คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงเลือดฝอยทอง ได้เป็นอิสระสมใจหมาย เนื่องจากล่าสุด “ปีศาจแดง” แมนยู คอนเฟิร์มยกเลิกสัญญากันเรียบร้อย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถลงการณ์ยกเลิกสัญญากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส เป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นการแยกทางด้วยความเห็นดีเห็นงามของทั้งสองฝ่าย แล้วก็ส่งผลในทันที
ตามแถลงการณ์ของ “ปีศาจแดง” กล่าวว่า สโมสรขอขอบคุณ โรนัลโด้ สำหรับผลงานอันสุดยอดสองช่วงที่อยู่กับสโมสร ที่ทำ 145 ประตู จากการลงเล่น 346 นัด แล้วก็ขออวยพรให้เจ้าตัวพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ในอนาคต ทุกคนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมีสมาธิอยู่กับการพัฒนาทีมภายใต้การทำงานของ เอริค เทน ฮาก แล้วก็ร่วมแรงกันทำงานเพื่อความสำเร็จในสนามต่อไป
ดังนี้ เท่ากับว่าปัจจุบัน โรนัลโด้ ซึ่งเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงรับ ใช้ทีมชาติโปรตุเกส สู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ กลายเป็นนักฟุตบอลฟรีเอเยนต์เรียบร้อย โดยคาดว่า จุดแตกหักระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ดกับดาวเตะวัย 37 ปี มาจากการที่นักฟุตบอลให้สัมภาษณ์โจมตีสโมสรแล้วก็ เทน ฮาก อย่างดุเดือดเมื่อเร็ว ๆ นี้
ข่าวดี มาทันทีทันใด “หุ้นแมนยู ” พุ่งทะยาน หลังผู้ครอบครองแถลงขายทีม,แยกทาง “โรนัลโด”
หลัง2ข่าวด่วนของ แมนยูฯ ออกไปไม่กี่ชั่วโมง หุ้นของสโมสรก็พุ่งขึ้นแทบทะลุ เพดานกันอยู่แล้ว
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ค่ำคืนที่เมือง แมนเชสเตอร์ คืนนี้มีข่าวสารมากมาย โดยยิ่งไปกว่านั้นกับทีมสีแดงอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปล่อย 2 ข่าวด่วนกระเทือนวงการฟุตบอลออกมา
โดยข่าวสารแรก เป็นการยืนยันว่า สโมสรได้แยกทาง คริสเตียโน โรนัลโด สตาร์ดังเบอร์ 7 ของสโมสรแล้ว จากกรณีที่นักฟุตบอลไปให้สัมภาษณ์ว่าร้ายสโมสร
แล้วก็ไม่เป็นที่ต้องการของทีมแล้วก็รวมทั้ง เอริก เทน ฮาก กุนซือของทีมอีกด้วยทำให้ต้องแยกจากกันไปแล้ว
นอกเหนือจากนี้ช่วงเช้ามึดที่ผ่านมา ก็มีแถลงการณ์อีกฉบับที่ถ้าเกิดแปลเป็นภาษาคนไทย ก็จะแปลได้ว่า ตระกูลเกลเซอร์ แม่งาน
ของทีมพร้อมที่จะเปิดยอมรับฟังข้อเสนอ ซื้อ ขาย ทีมหรือรวมทั้งการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร่วมกันแล้ว หลัง 17 ปีที่เข้ามาคุมอำนาจใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกแฟนบอลขับไล่แล้วก็ด่าไม่เว้นวัน
ซึ่งมีกล่าวว่าภายหลัง 2 ข่าวด่วนของสโมสรในไม่กี่ชั่วโมงทำให้ หุ้นของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ดีดตัวสูงมากขึ้นถึง 14.57 เปอร์เซ็นต์ สู่ระดับใกล้ถึง 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วในเวลานี้
มีการคาดการณ์ว่า ตระกูลเกลเซอร์ ผู้ครอบครอง แมนยูฯ คนปัจจุบัน ได้ตั้งราคาขายหลังเกิดกระแสข่าวสารความสนใจเทคโอเวอร์ต่อจากพวกเขาเอาไว้ที่ 5,000 ล้านปอนด์ (220,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว
แฟนผีร้องเฮ !! ตระกูลเกลเซอร์ ประกาศพิจารณา ขายสโมสร “แมนยู”
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมพิจารณาสำหรับการขายสโมสร นำมาซึ่งการทำให้ราคาหุ้นยูไนเต็ดเพิ่มขึ้น 17% ทันทีหลังข่าวสารเผยแพร่ โดยเพิ่มมูลค่าเกือบจะ 336.4 ล้านปอนด์ (400 ล้านดอลลาร์) ให้กับมูลค่าตลาดของสโมสร
คำแถลงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันแผนการที่จะกำหนด “ทางเลือกเชิงกลยุทธ์” แล้วก็กล่าวว่ากระบวนการนี้จะพิจารณาทางเลือกต่างๆ“รวมทั้งการลงทุนใหม่ในสโมสร การขาย หรือธุรกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับบริษัท”
“แมนยูคือ หนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จแล้วก็มีคุณค่ามากที่สุดในโลก ประกาศในวันนี้ว่าคณะกรรมการบริษัท (“คณะกรรมการ”)กำลังเริ่มกระบวนการสำรวจทางเลือกเชิงกลยุทธ์สำหรับสโมสร”
“กระบวนการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการเติบโตในอนาคตของสโมสร โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการวางตำแหน่งสโมสรให้ใช้ประโยชน์จากโอกาสทั้งในสนามแล้วก็ในเชิงพาณิชย์”
“ในกระบวนการนี้ คณะกรรมการจะพิจารณาทางเลือกเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด รวมทั้งการลงทุนใหม่ในสโมสร การขาย หรือธุรกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งจะรวมทั้งการประเมินความคิดริเริ่มหลายอย่างเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสโมสร รวมทั้งการพัฒนาสนามกีฬาแล้วก็โครงสร้างพื้นฐาน แล้วก็การขยายการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของสโมสรในระดับนานาชาติ โดยแต่ละส่วนในบริบทของการเสริมสร้างความสำเร็จในระยะยาวของสโมสรชาย หญิง แล้วก็สถาบันการศึกษา ทีมแล้วก็นำผลประโยชน์มาสู่แฟนๆแล้วก็ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ”
ประธานร่วมแล้วก็ กรรมการบริหาร อัฟราม เกลเซอร์ แล้วก็โจเอล เกลเซอร์ กล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วก็ความหลงใหลแล้วก็ความภักดีของแฟนบอลโดยมีผู้ติดตามทั้งโลกของพวกเรา 1.1 พันล้านคน
ในขณะที่พวกเราพยายามสร้างประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของสโมสรต่อไป คณะกรรมการได้อนุมัติให้มีการประเมินทางเลือกเชิงกลยุทธ์อย่างละเอียดถี่ถ้วน พวกเราจะประเมินทางเลือกทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราให้บริการแฟนบอลของพวกเราได้ดีที่สุด แล้วก็แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จะเพิ่มโอกาสการเติบโตที่สำคัญให้กับสโมสรในวันนี้แล้วก็ในอนาคต ตลอดกระบวนการนี้ พวกเราจะยังคงมุ่งเน้นอย่างเต็มที่ในการให้บริการผลประโยชน์สูงสุดของแฟนๆผู้ถือหุ้น แล้วก็ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆของพวกเรา”